เลือกรักให้เป็น มองเห็นแต่สุข
ความรัก เป็นเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจของมนุษย์ ให้ผูกพัน ห่วงใย ห่วงหาเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ความรักจึงน่าจะเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นเครื่องจรรโลงใจให้เต็มไปด้วยความสุข หากแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง หลายๆ คน กลับแปลความหมายของความรักให้กลายเป็นสิ่งที่ผิดเพี้ยนไป บ้างเอาไปพ่วงกับตัณหาความใคร่ บ้างหลงใหลอย่างขาดสติ บ้างยึดมั่นถือมั่น หวงแหนว่าเป็นของๆ ตนเอง ใครก็ไม่สามารถมาแย่งความรักไปจากตนเองได้ จนกลายเป็นความอิจฉา หวาดระแวง และสุดท้ายย่อมจบลงที่ความเสียใจ และอาจทำในสิ่งผิดพลาดร้ายแรงจนอาจแก้ไขไม่ได้
อาจเป็นเพราะสภาพของสังคมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการดิ้นรน แก่งแย่ง แข่งขัน หลายครอบครัวต้องออกไปทำงานทั้งพ่อและแม่ ปล่อยลูกๆ ให้อยู่กับพี่เลี้ยง อยู่กับโทรทัศน์ เด็กๆ เหล่านั้นจึงขาดความรักความอบอุ่นดังที่พวกเขาควรจะได้รับ เมื่อเติบโตขึ้นมาในวัยหนุ่มสาว ความต้องการของร่างกายผลักดันให้เขาเลือกที่จะรักและให้ความสำคัญกับเพื่อนต่างเพศ หรือคนพิเศษที่เขาให้ความสนใจ แต่หลายๆ กรณีความรักที่ตั้งใจจะมอบให้กัน กลับเป็นเพียงความใคร่ ความอยากได้มาครอบครองและเป็นเจ้าของ บางคนรัก หลงใหลอย่างไม่ลืมหูลืมตา รักคนอื่นจนลืมรักตัวเอง ลืมคนที่รักเราอย่างพ่อและแม่ และเมื่อความรักไม่เป็นไปดังที่คาดหวัง สิ่งสวยงามอาจกลายเป็นความน่ากลัวและความเสียใจ บางคนเลือกทำร้ายตัวเองเพียงเพราะอยากให้คนที่เคยรัก กลับมารักตนเองอีกครั้ง บางคนเลือกทำร้ายคนที่เคยรัก เพราะไม่อยากให้เขาไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง ด้วยความคิดที่ขาดสติ และการกระทำเพียงชั่วครู่ต่างๆ เหล่านี้ อาจจบชีวิตทั้งชีวิตของคนๆ นึงเลยก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกรักใคร เราจะต้องเริ่มต้นจากเข้าใจความรัก รู้จักรักตัวเองด้วยการรักษาสุขภาพ ดำเนินชีวิตไปในวิถีทางที่ถูกต้อง เป็นคนดีของครอบครัวและสังคม รักและกตัญญูต่อพ่อ แม่ คุณครูและผู้มีพระคุณ ด้วยการตั้งใจเรียน ไม่ดื้อ ไม่ทำให้ลำบากใจ เชื่อฟังคำสั่งสอน อันเป็นการแสดงออกถึงการตอบแทนความรักที่บริสุทธิ์ ทั้งหมดเป็นเสมือนพื้นฐานของการมีรักที่ถูกต้อง จะเห็นได้ว่าคนที่มาจากครอบครัวที่อบอุ่น ย่อมมีทัศนคติที่ดีต่อความรัก รู้จักมอบความปรารถนาดีให้แก่ผู้อื่น พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ และสามารถสร้างครอบครัวที่เพียบพร้อมไปด้วยความรักความอบอุ่นได้