ล้มได้ต้องลุกเป็น
ทุกครั้งที่เราเหม่อมองท้องฟ้าอันสดใส เคยหรือไม่? ที่ความสดใสนั้นกลับกลายเป็นความมืดครึ้มขุ่นมัว ชีวิตของคนทุกคนก็คงไม่ต่างจากท้องฟ้าหรอกครับ มีมืด มีสว่าง มีถูก ผิด พลาดบ้าง หากแต่ว่าใครจะกลับมากอบกู้ความผิดพลาดนั้น ให้กลับกลายเป็นความสำเร็จได้ไวกว่ากัน
น่าเสียดายที่หลายๆ คน เมื่อพบเจอกับปัญหา ผิดพลาด ล้มเหลว แล้วเลือกที่จะนอนกับกอง ความช้ำ จมอยู่กับความผิดพลาด ขลาดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่ คนเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา รอเพียงเวลาการแห้งเหี่ยว แล้วล้มตายไปในที่สุด ผมเชื่อเสมอว่าไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ไม่มีความผิดพลาดใด ที่ไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาถูกต้องได้ การหกล้มของเราก็ไม่ต่างกับเด็กในยามตั้งไข่ เพราะไม่มีใครสามารถเดินได้ตั้งแต่กำเนิด เช่นเดียวกัน น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จไปเสียทุกอย่างที่เขาทำ แม้กระทั่งมหาเศรษฐีพันล้านอย่างสตีฟ จ็อบ คุณตันโออิชิ หรือแม้กระทั่งเถ้าแก่น้อย ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ล้วนต่างล้มมาแล้วตั้งหลายสิบ หลายร้อย หลายพันครั้ง หากแต่พวกเขาเลือกที่จะสู้ สู้กับปัญหา พัฒนาให้เกิดความรู้ มีหัวใจที่เข้มแข็ง จนพบกับความสำเร็จ (มากๆ) อย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน
ผมอยากให้ทุกๆ คนลองมองอีกด้านหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น อย่าเพียงแต่ชื่นชมกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เห็นมันเป็นภาพความสำเร็จที่สวยหรู และงดงาม หากแต่อยากให้ลองศึกษาว่ากว่าที่เขาเหล่านั้นจะประสบผลสำเร็จได้นั้น ล้วนต้องล้มลุกคลุกคลานมาแล้วตั้งกี่ครั้ง ผิดหวังมาแล้วกี่หน จนจะสามารถตั้งตน ยืนตระหง่านอย่างสง่างามได้อย่างมั่นคงในปัจจุบัน….แล้วคุณจะพบว่า การล้มของคุณในครั้งนี้ เปรียบก็แค่ขาแพลงธรรมดาๆ ที่ทำได้แค่เซ แต่ไม่สามารถฉุดให้ล้มหน้าคะมำได้ หรือแม้จะล้มจนหน้าคะมำหัวฟาดพื้นจากหลากปัญหาที่มรุมเร้า ก็ให้รวบรวมกำลังใจ ฝืนความเจ็บกลับมาสู้ใหม่ แล้วคุณจะแข็งแกร่งขึ้น เปรียบกับฟ้ามืดที่เริ่มจางแล้วพบกับแสงสว่างที่สดใสและสวยงามได้ในที่สุด